TH l EN
facebook instagram youtube line
บริการของเรา
การเตรียมตัวก่อน-หลัง ผ่าตัด
graphic

โปรโมชั่น

อีกหนึ่งความไว้วางใจ

เสริมจมูก
Line ID
line
Facebook
facebook

การดูดไขมัน



การดูดไขมัน (Lipoplasty)

การดูดไขมันคือวิธีช่วยสร้างรูปร่างของคุณโดยการกำจัดไขมันที่ไม่ต้องการในที่ต่างๆ เช่น หน้าท้อง สะโพก ก้น ต้นขา เข่า ต้นแขน คาง แก้ม และลำคอ ในอดีต การดูดไขมันหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า lipoplasty หรือ lipectomy หรือ liposcalpture เป็นประโยชน์ต่อความสวยสดงดงามของรูปร่างค่อนข้างจำกัด แต่ปัจจุบันนี้ มีเทคนิกใหม่ๆ เช่น การใช้คลื่นเสียงช่วยในขณะดูดไขมัน สารละลายทูเมสเซนท์ เทคนิกซูปเปอร์เวทช่วยให้ศัลยแพทย์ความงามทำได้ตรงตามความต้องการของผู้ป่วยมากขึ้นและฟื้นตัวได้ไวขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันไม่ใช่ทางที่จะไปแทนการลดน้ำหนักหรือการออกกำลังกาย การดูดไขมันสามารถกำจัดไขมันบริเวณที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อการลดน้ำหนักหรือการออกกำลังกาย

ถ้าคุณกำลังคิดถึงวิธีนี้อยู่ ข้อมูลต่อไปนี้จะทำให้คุณเข้าใจวิธีการนี้ดีขึ้น


ผู้ที่มีความเหมาะสมในการรับการดูดไขมัน
สำหรับผู้ที่เหมาะสมในการดูดไขมัน คุณควรจะมีความคาดหวังที่ไม่เกินจริงเกี่ยวกับวิธีการดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะเข้าใจว่าการดูดไขมันทำให้คุณมีรูปร่างดีขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันมันก็ไม่สามารถทำให้คุณมีรูปร่างตามอุดมคติ ก่อนการดูดไขมัน คุณควรพุดคุยเกี่ยวกับความคาดหวังและผลที่จะได้จริงกับศัลยแพทย์ก่อน


ผู้ที่มีความเหมาะสมมากที่สุดสำหรับการดูดไขมัน
คือ ผู้ที่มีน้ำหนักปกติ และมีผิวที่แน่นและยืดหยุ่นได้ดีและมีบริเวณไขมันส่วนเกินปรากฏอยู่ คุณควรจะมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง มีสภาพจิตใจที่มั่นคง และมีความคาดหวังที่ได้รับไม่เกินจริง ส่วนเรื่องอายุไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอายุมากอาจจะไม่ได้ผลดีเท่าผู้ที่มีอายุน้อยเนื่องจากผิวที่มีความยืดหยุ่นที่น้อยลง
การดูดไขมันมีความเสี่ยงสูงขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคเบาหวาน โรคทางหัวใจและปอด มีการไหลเวียนของเลือดไม่ดี หรือผู้ที่เคยมีประวัติการผ่าตัดบริเวณนั้นๆมาก่อน


การเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัด
ศัลยแพทย์จะให้คำแนะนำก่อนการรับการผ่าตัด เช่น การรับประทานอาหาร การดื่ม การสูบบุหรี่ การหลีกเลี่ยววิตามินบางชนิด ธาตุเหล็ก หรือยาชนิดอื่นๆ

ถ้าคุณสูบบุหรี่ วางแผนที่จะเลิกอย่างน้อย 1 – 2 อาทิตย์ก่อรการผ่าตัดและยังจะไม่กลับไปสูบอีกอย่างน้อย 2 อาทิตย์หลังจากการผ่าตัด หลีกเลี่ยงยาแอสไพริน 14 วันก่อนการผ่าตัด ถ้าคุณเป็นหวัดหรือติดเชื้อไม่ว่าที่ใดๆ การผ่าตัดอาจจะต้องถูกเลื่อนออกไป
ไม่ว่าการผ่าตัดจะเป็นแบบผู้ป่วยนอก หรือผู้ป่วยใน คุณควรจัดการให้เพื่อนหรือญาติสนิทพาคุณกลับบ้าน และคอยดูแลคุณต่ออีก 1 – 2 วันหลังผ่าตัด

ให้งดการรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มหลังเที่ยงคืนในคืนก่อนวันผ่าตัด ยกเว้นการจิบน้ำเล็กๆน้อยๆสำหรับรับประทานยา หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่เผ็ด และหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา และเบียร์ในช่วงก่อนผ่าตัด


สถานที่ผ่าตัด
การดูดไขมันสามารถทำได้ในคลีนิก หรือในโรงพยาบาล การดูดไขมันในปริมาณเล็กน้อยสามารถทำแล้วกลับบ้านได้ ด้วยเหตุผลเรื่องราคา และความสะดวก ในกรณีที่ดูดไขมันปริมาณมากๆหรือทำการผ่าตัดอย่างอื่นร่วมด้วย การพักในโรงพยาบาล หรือนอนพักค้างคืนเพื่อดูแลก่อนกลับบ้านอาจจะจำเป็น


การระงับความรู้สึก
มีหลายวิธีในการระงับความรู้สึกที่สามรถใช้ได้กับการดูดไขมันซึ่งศัลยแพทย์จะเลือกอันที่ปลอดภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด
ถ้าไขมันที่จะถูกดูดออกไม่มากและจำกัดในบางพื้นที่ การดูดไขมันสามารถใช้ยาชาเฉพาะที่ได้เพื่อให้ชาเฉพาะบริเวณนั้น ส่วนมากแล้วจะใช้ควบคู่กับยาฉีดนอนหลับเพื่อให้ผู้ป่วยผ่อนคลายมากขึ้นระหว่างการทำ ถ้าต้องการดูดไขมันในบริเวณที่กว้างมากขึ้นวิธีหนึ่งที่ดีคือการระงับความรู้สึกเป็นส่วนๆ เช่น การบล็อกหลัง เหมือนตอนคลอดลูก
อย่างไรก็ตาม ศัลยแพทย์บางคนจะชอบการฉีกยาสลบ โดยเฉพาะการดูดไขมันจำนวนมากๆ และอาจจะต้องใช้วิสัญญีพยาบาลหรืวิสัญญีแพทย์เพื่อให้ผู้ป่วยหลับตลอดการดูดไขมัน


การผ่าตัด
เวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับ ขนาดของพื้นที่ จำนวนไขมันที่จะดูดออก ชนิดของการระงับความรู้สึก และเทคนิกที่ใช้

การดูดไขมันมีหลายวิธีเพื่อให้ทำได้ง่ายและให้ผลดี การดูดไขมันคือการเอาไขมันส่วนเกินที่สะสมตามส่วนต่างๆของร่างกายออกการใช้มีดทำให้เกิดรอยแผลเล็กๆ จากนั้นจะใช้ท่อเล็กๆเข้าไปในชั้นของไขมันที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง ท่อจะถูกดันเข้าดันออกภายในชั้นของไขมัน เพื่อทำให้ไขมันแตกตัว แล้วจึงดูดออกมาทางท่อเล็กๆนั้น ถ้ามีการดูดไขมันหลายบริเวณ ศัลยแพทย์จะพยายามทำให้เกิดรอยแผลเล็กๆ น้อยที่สุด

ในขณะที่ไขมันถูกดูดออกจะมีการสูญเสียของเหลวไปพร้อมๆกันด้วย เป็นสิ่งสำคัญมากที่ของเหลวนี้จะต้องถูกชดเชยในขณะดูดไขมันเพื่อป้องกันอาการช็อก เพราะเหตุผลนี้คนไข้จะต้องมีเครื่องมือวัดความชีพจร ความดันอย่างใกล้ชิดร่วมทั้งได้รับน้ำเกลือทางเส้นเลือด ในขณะและหลังผ่าตัด

การฉีดของเหลวซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในสัลยแพทย์ความงาม เป็นวิธีที่จะนำตัวยาเข้าไปที่ไขมันก่อนที่ไขมันจะถูกดูดออก ของเหลวที่ว่านี้ประกอบด้วยน้ำเกลือ ยาชาลิโดเคน และอะดรีนาลินซึ่งเป็นยาที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว ของเหลวตัวนี้ช่วยทำให้การดูดออกของไขมันง่ายขึ้น ช่วยลดการเสียเลือด และทำให้ชาทั้งขณะและหลังจากการผ่าตัด การฉีดของเหลวนี้ยังช่วยบรรเทาอาการช้ำหลังการผ่าตัดด้วย

จำนวนของเหลวที่จะถูกฉีดจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ละบุคคลและดุลยพินิจของศัลยแพทย์ของเหลวจำนวนมาก บางทีอาจถึงขนาด 3 เท่าของไขมันที่จะถูกดูดออก จะถูกฉีดโดยใช้เทคนิคของทูเมสเซนท์ (Tumescent Technique) การดูดไขมันด้วยวิธีนี้ส่วนมากจะใช้กับผู้ที่ต้องการแค่การชาเฉพาะที่ และใช้เวลานานกว่าการดูดไขมันโดยทั่วไป (บางทีอาจจะยาวนานถึง 4 – 5 ช.ม.) อย่างไรก็ตามของเหลวที่ฉีดเข้าไปมียาชาพอเพียงสำหรับการผ่าตัด จึงอาจจะไม่จำเป็นต้องให้ยาชาเพิ่ม





หลังจากการผ่าตัด
คุณจะพบว่าจะมีของเหลวไหลออกมาจากบาดแผลหลังจากการผ่าตัด ในบางครั้งท่อดูดของเหลวอาจจะถูกสอดเข้าไปใต้ผิวหนัง

2 – 3 วันเพื่อป้องกันการสะสมของเหลว และคุณอาจจะสวมใส่ชุดหรือผ้ารัดประมาณ 2-3 สัปดาห์เพื่อจะช่วยลดอาการบวม และให้ผิวหนังปรับเข้ากับรูปร่างใหม่ได้เร็วขึ้น ศัลยแพทย์อาจจะสั่งยาปฏิชีวนะให้เพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อ

อย่าคาดหวังกับอาการที่จะเกิดขึ้นภายหลังการผ่าตัด ถึงแม้ว่าจะเชื่อว่าเทคนิคใหม่ๆจะช่วยบรรเทาอาการหลังการผ่าตัดบ้าง คุณอาจจะยังมีความปวด อาการร้อน อาการบวม การมีเลือดออก และความรู้สึกชาบ้าง อาการปวดจะบรรเทาด้วยยาแก้ปวดที่ศัลยแพทย์สั่งให้

เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกกังวลหรือหดหู่ระยะแรกๆ แต่ความรู้สึกนี้จะค่อยๆหายไปเมื่อรูปร่างปรับสภาพเป็นปกติและดีขึ้น


การกลับมาสาสภาพปกติ
การกลับมาสู่ปกติจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป ศัลยแพทย์จะบอกให้คุณเริ่มเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อบรรเทาอาการบวม และป้องกันการแข็งตัวของเลือดที่ขาของคุณ คุณจะรู้สึกดีขึ้นภายในประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ และจะกลับไปทำงานได้ตามปกติภายในไม่กี่วันหลังจากนั้น ไหมจะถูกตัดออกหรือละลายภายใน 7 – 10 วัน

หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่หักโหมมากประมาณ 1 เดือน รอยช้ำและบวมจะหายไปภายใน 3 อาทิตย์ แต่อาจจะยังมีเหลืออยู่บ้าง และจะหายดีขึ้นภายใน 6 เดือน

ศัลยแพทย์จะนัดให้คุณมาติดตามผลการรักษา และเพื่อดูว่ายังมีการรักษาอะไรที่จำเป็นต้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่

ถ้าคุณพบกับอาการแปลกๆ เช่น เลือดไหลมากขึ้น หรืออาการปวดมากขึ้น สิ่งไหนทำได้และสิ่งไหนต้องระวัง ควรติดต่อกับศัลยแพทย์ให้เร็วที่สุด