TH l EN
facebook instagram youtube line

โปรโมชั่น

อีกหนึ่งความไว้วางใจ

เสริมจมูก
Line ID
line
Facebook
facebook

7 ประโยชน์ของเปลือกส้ม


ส้มเป็นผลไม้ที่หากินได้แทบทุกฤดู แถมยังเป็นผลไม้รสชาติหวาน หอม นำมาทำเมนูเครื่องดื่ม ขนมหวาน หรือจะกินเป็นผลไม้ให้ความสดชื่นก็ได้ แต่เชื่อไหมคะว่ามีสิ่งหนึ่งที่หลายคนทำพลาดกับการกินส้มมานับครั้งไม่ถ้วน นั่นคือการกินแต่เนื้อส้ม ส่วนเปลือกส้มก็ทิ้งไปไม่ไยดี สงสัยคุณจะไม่รู้ล่ะสิว่าเปลือกส้มมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขนาดนี้แน่ะ


มาดูโภชนาการในเปลือกส้มกันก่อน

          ประโยชน์ของผลส้ม เราน่าจะพอรู้กันอยู่ว่าส้มมีวิตามินซีสูง แต่ในส่วนของเปลือกส้มมีใครรู้บ้างว่าเปลือกส้มก็มีวิตามินซีสูงกว่าผลส้มเกือบ 2 เท่า แถมยังมีแคลเซียมอยู่ประมาณ 1.5 กรัมเลยทีเดียว 

          อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุต่าง ๆ ทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามินบี 2 วิตามินเอ ที่สำคัญในเปลือกส้มปริมาณ 100 กรัมยังมีแคลเซียมสูงถึง 161 มิลลิกรัม ซึ่งนับว่ามากกว่าเนื้อส้มในปริมาณเท่า ๆ กันที่มีแคลเซียมอยู่ประมาณ 40 มิลลิกรัมเท่านั้น

          นอกจากนี้เปลือกส้มยังมีสีสันสดใส ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมีเบต้าแคโรทีนแฝงอยู่ในเปลือกสีส้ม ๆ อย่างจัดเต็มเลยทีเดียว 

          เอาล่ะ...คราวนี้มาดูประโยชน์ของเปลือกส้มกับสุขภาพกันบ้าง โดยเปลือกส้มมีคุณประโยชน์ดี ๆ กับร่างกายเราถึงขนาดนี้เลยนะ

 1. บำรุงสุขภาพฟันและกระดูก

          จากผลการศึกษาของ Purdue University พบว่า ในเปลือกส้มประมาณ 100 กรัมจะมีปริมาณแคลเซียมสูงถึง 161 มิลลิกรัม ซึ่งมีแนวโน้มจะช่วยบำรุงกระดูกและฟันของเราได้สบาย ๆ 

 2. คลายเครียด

          กลิ่นส้มเป็นกลิ่นซิตรัสที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการช่วยผ่อนคลายระบบประสาทของร่างกายได้ โดยแค่นำเปลือกส้มมาคั้นให้น้ำมันหอมระเหยในเปลือกส้มไหลออกมา จากนั้นจะนำมาสูดดมเติมความสดชื่น หรือนำมานวดแก้ปวดเมื่อยตามร่างกายก็แล้วแต่สะดวก

 3. แก้นอนไม่หลับ

          กลิ่นซิตรัสจากน้ำมันหอมระเหยในเปลือกส้มมีผลต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง ซึ่งจะมีฤทธิ์คล้ายกับยากล่อมประสาท ช่วยให้สมองรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้ง่ายดายยิ่งขึ้น


ประโยชน์ของเปลือกส้ม
 

 4. บำรุงสายตา

          เบต้าแคโรทีนและวิตามินเอเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาได้ อย่างที่รู้ ๆ กันมา ซึ่งในเปลือกส้มก็มีสารทั้ง 2 ชนิดนี้อยู่มากพอสมควรด้วยนะคะ

 5. เปลือกส้ม รักษาสิว ผิวอักเสบ

          ในเปลือกส้มมีน้ำมันหอมระเหยอยู่หลายชนิด ทั้งซิตรัล (citral) เจอรานิออล (geraniol) และไลนาโลออล (linalool) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในการทำความสะอาด โดยเฉพาะกับผิวหนังที่เป็นสิว หรือมีสิวอักเสบเนื่องจากสิ่งสกปรก ให้ล้างเปลือกส้มให้สะอาด จากนั้นนำเปลือกส้มไปบดละเอียด ผสมน้ำต้มสุกเล็กน้อยแล้วนำมาแต้มสิว หรือพอกผิวที่เกิดการอักเสบ นาน 20-30 นาที แล้วล้างออก อาการอักเสบบนผิวหนังจะบรรเทาลงได้


ประโยชน์ของเปลือกส้ม
 

 6. แก้กรดไหลย้อน

          ผลการศึกษาจาก University of Michigan Health System เผยว่า หากนำเปลือกส้มตากแห้งประมาณ 1-2 กรัม มาต้มกับน้ำ 3 ถ้วยตวง แล้วจิบเป็นชาเปลือกส้ม จะช่วยแก้อาการอาหารไม่ย่อย หรือแก้กรดไหลย้อนได้ เนื่องจากเปลือกส้มมีสารโพลีแซกคาไรด์ ชนิดไม่ละลายน้ำ ที่สามารถกระตุ้นการย่อยอาหาร อีกทั้งยังมีสารแทนนิน และเฮมิ-เซลลูโลส โมเลกุลคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติลดกรดเกินในกระเพาะอาหาร ช่วยชะลอการย่อยอาหารให้เป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงอาการท้องอืดได้ด้วย

 7. ต้านเซลล์มะเร็ง

          เบต้าแคโรทีนในเปลือกส้มสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้ อีกทั้งการศึกษาจาก University of Maryland Medical Center ยังเผยว่า เบต้าแคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกาย หรืออธิบายง่าย ๆ คือปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ลดโอกาสเสี่ยงที่เซลล์ในร่างกายจะกลายเป็นเซลล์มะเร็งนั่นเอง


ประโยชน์ของเปลือกส้ม
 


เปลือกส้ม กินยังไง

          เหตุผลที่หลายคนไม่กล้ากินเปลือกส้มก็เพราะว่ามีรสขม ดังนั้นวิธีการกินเปลือกส้มที่ง่ายที่สุดคือการนำเปลือกส้มไปย่างจนสุก ซึ่งจะทำให้เปลือกส้มมีความหอม รสชาติขมลดลง รับประทานง่ายขึ้น โดยจะนำเปลือกส้มมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมกับน้ำสลัดหรือโรยหน้าอาหารจานโปรดอื่น ๆ ก็ได้

          หรือหากใครไม่สะดวกใจจะกินเปลือกส้มสด ๆ ลองนำเปลือกส้มไปเชื่อมหรือตากแห้งแล้วทำเป็นบ๊วยเปลือกส้มก็จะได้ประโยชน์ไม่ต่างกัน

          เห็นประโยชน์ของเปลือกส้มกับสุขภาพอย่างนี้แล้วยังอยากจะโยนเปลือกส้มทิ้งกันอยู่ไหมคะ และหากจะให้ดีก็อยากบอกต่ออีกนิดว่า 10 ผักผลไม้นี้อย่าปอกเปลือก ถ้าไม่อยากพลาดคุณค่าสุดเจ๋งต้องกินพร้อมเนื้อ !

          อ้อ ! แต่ก่อนรับประทานเปลือกส้มหรือเปลือกผัก-ผลไม้ชนิดใด ๆ อย่าลืมล้างผลไม้ชนิดนั้น ๆ ให้สะอาดหมดจดก่อนด้วยล่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

prevent disease
The Health Site
livestrong