อีลิท ทู

ลักษณะคือเป็นเครื่องที่มีปลายเป็นแสง ออกผ่านหัวกระจกควอทซ์ หรือ คริสตัล แสงนี้กรองเอารังสีเฉพาะความถี่ที่เป็นประโยชน์ โดยไม่มี UV หรือแสงที่จะทำลายผิวหนัง

เหมาะสำหรับใครบ้าง?
สามารถใช้ได้เกือบทุกคน แต่ในบางกรณีอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าภาวะปกติ เช่น ภาวะที่มีความไวต่อแสงผิดปกติ, ถูกแสงแดดจัดก่อนการรักษา ซึ่งแพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้พิจารณา เป็นรายๆ ไป
ข้อบ่งชี้ในการทำ IPL (Indication for IPL) ในปัจจุบันนี้มีดังนี้
: 1. ความผิดปกติของเส้นเลือด (IPL for vascular lesions) IPL ใช้ได้ผลดีในการรักษาความผิดปกติของเส้นเลือดตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงปานกลางที่มีเส้นผ่าศูนต์กลางไม่เกิน 1 มม. ดังนั้นจึงนำมาทำการรักษาในโรค Portwine strain , Telangiextasia(เส้นเลือดแดงขอดผิดปกติ) และใช้ได้ผลดีในผิวคนเอเซียแม้จะสีผิว ค่อนข้างคล้ำก็ตาม
: 2. ความผิดปกติของเม็ดสี (IPL for pigmented lesions) ซึ่งพบว่าได้ผลดีปานกลาง สำหรับเม็ดสีที่เข้มกว่าปกติ เช่น ฝ้าบางๆ หรือฝ้าชั้นหนังกำพร้า ( Epidermal melasma) กระ ( Freckle) จะจางลงได้ แต่ก็มักจะกลับมาเป็นใหม่ได้ไว ปานดำ(Becker's nevus) การรักษาเม็ดสีผิดปกติด้วย IPL มักจะใช้ในกรณีที่มีจำนวนมากและกระจายเต็มทั่วใบหน้า แต่ถ้ากรณีที่มีไม่มากไม่กี่จุด และมีขนาดใหญ่ อาจจะทำการรักษาด้วยเลเซอร์แทน(Nd-Yag laser ,Pulse dyne laser) แต่ก็ต้องทำควบคู่กับการทาครีมรักษา และทรีทเม้นท์อื่นๆ เช่น การทำ Peeling, MD, Ionto..ควบคู่ไปด้วย

: 3. การกำจัดขนกึ่งถาวร (IPL for Hair removal) ถือว่า IPL เป็นเครื่องมือกำจัดขน ล่าสุดที่ได้ผลมากกว่าวิธีอื่นๆ แม้แต่เลเซอร์ และผลข้างเคียงน้อยสุด โดยอาศัยหลักการให้คลื่นแสงฉายไปที่เส้นขนที่อยู่ในท่อขน โดยปรับช่วงคลื่นจำเพาะตามขนาดและสีของขน แล้วแสงจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่กระเปาะขน จึงทำลายเซลล์ขนในระยะแรก Anagen phase จึงทำให้เส้นขนใหม่ไม่งอกขึ้นมา ซึ่งการเลือกช่วงคลื่นที่เหมาะสมกับสภาพขนแต่ละที่ และลักษณะสีผิว เป็นปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการกำจัดขน
: 4. ลดริ้วรอยและชลอภาวะชราของผิวพรรณ (IPL for Photoageing) บางครั้งเรียกว่าการทำ Photorejuvenation เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นและมีปัจจัยแสงแดดร่วมด้วย ทำให้ผิวพรรณมีการเปลี่ยนแปลงทั้งริ้วรอยเหี่ยวย่น สีผิวผิดปกติ เส้นเลือดผิดปกติ และคอลลาเจนลดลง โดยได้มีการทดลองพบว่าการทำ IPL หลายๆ ครั้ง ภาวะผิดปกติดังกล่าวจะดีขึ้นเกิน 50 %
: 5. ลดและแก้ไขปัญหาแผลเป็น (IPL for Scars ) โดยพบว่าแผลเป็นจากสิวมีความรุนแรงใน ระดับที่แตกต่างกัน IPL จะแก้ไขและรักษาแผลเป็นจากสิวใหม่ๆ ได้ดีกว่าแผลเป็นที่เป็นมานาน เช่น จะรักษารอยแดงได้ดีขึ้นกว่ารอยหลุม และในรอยหลุมแบบกะทะจะทำให้ตื้นขึ้นได้ดีกว่ารอยหลุมที่เล็กๆ หรือหลุมจิก(Ice-pick scars) ประมาณ 20-40% ส่วนรอยแผลเป็นนูน (Keloid) ทำให้ราบและนิ่มขึ้นได้ประมาณ 30-50% แต่มักจะทำหลังจากฉีดแผลเป็นนูนให้ยุบได้ระดับหนึ่งก่อนจึงทำ IPL ต่อเพื่อลดรอยแดงให้สีกลมกลืนกับสีผิว

ข้อควรระวังและข้อห้าม ในการทำ IPL (Contraindication for IPL) มีดังนี้
: 1. สตรีมีครรภ์ - ข้อนี้ห้ามทำเลยจนกว่าจะคลอด
: 2. คนไข้ที่ใช้ยาหรือทายาที่ไวต่อแสงช่วงคลื่น 515-1200 nm. เช่น รับประทานยากลุ่มวิตามินเอ (roaccutane) ต้อง ระมัดระวังในการเลือกช่วงคลื่นและพลังงานในการทำ
: 3. สีผิวคล้ำ หรือ สีผิว(skin type 3-5) ต้องระมัดระวังในการเลือกช่วงคลื่นและพลังงานในการทำ
: 4. สีผิวดำ เช่น ในนิโกร (skin type 6) ข้อนี้ก็ห้ามทำเพราะสีผิวและเม็ดสีที่ผิดปกติจะใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดผลข้างเคียง รอยดำใหม้ได้ง่ายกว่าสีผิวชนิดอื่นๆ
: 5. คนป่วยด้วยโรคเบาหวาน
: 6. คนไข้ที่มีประวัติมีแผลเป็นนูน (keloid) ได้ง่าย
: 7. คนไข้ที่มีรับประทานยาสลายลิ่มเลือด(anticoagulants) เช่น aspirin,coumadin
: 8. คนไข้ที่มีประวัติเลือดออกได้ง่ายกว่าปกติ เช่น โรคเลือดออกผิดปกติ มะเร็งเม็ดเลือด เป็นต้น

ระยะเวลาในการรักษา
โดยทั่วไปจะ ใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที (ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ทำการรักษา)

ขั้นตอนการรักษา
ขั้นตอนการรักษาขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการรักษา และสภาพผิวของแต่ละคน โดยขั้นแรก แพทย์จะทำการทดสอบ หาปริมาณแสงที่เหมาะสมในการรักษาของแต่ละคนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แล้วจึงเริ่มทำการรักษา ขณะรักษาอาจมีอาการเจ็บบ้างเล็กน้อย ในบางรายอาจจะใช้ความเย็นประคบเพื่อลดอาการแสบแดงที่ผิวหนัง เมื่อเสร็จการรักษาสามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ทันที
ขณะทำการรักษา ลำแสงฟลูออเรสเซนต์จะถูกส่งผ่านผิวหนังเป็นชุดๆ เข้าไปในผิวหนังชั้นลึก ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยน แปลงเกิดขึ้นโดยไม่เกิดแผลที่ผิวหนังชั้นนอก (non-invasive and non-ablative method) ทำให้หลังการรักษาสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที และไม่มีใครทราบว่าไปทำอะไรมา

ภายหลังการรักษา
ผลข้างเคียงในการทำ IPL (Contraindication for IPL) ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเกิดปัญหา และหลังทำก็ไปทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ แต่ก็อาจจะพบอาการต่างๆ ขณะที่ทำหรือหลังทำได้ดังนี้
: 1. อาจจะมีอาการเจ็บขณะที่ทำ คล้ายๆ โดยตีด้วยหนังสติ๊กหรือยางรัดของดีด
: 2. อาจจะมีอาการแสบบริเวณที่ทำแต่ไม่ควรเกิน 10 นาที
: 3. อาจจะมีอาการแดง บวม เป็นบางแห่งได้หลังทำและมักเป็นปกติไม่เกิน 1 ชั่วโมง
: 4. อาจจะมีสีผิวผิดปกติ อาจจะดำคล้ำมากขึ้นหรือซีดลง แต่มักไม่เกิน 3-5 วันก็จะกลับมาปกติ
: 5. อาจจะมีรูขุมขนอักเสบได้หลังการกำจัดขน และมักจะหายได้เองใน 1 สัปดาห์
: 6. อาจจะมีความนุ่มของผิวหนังเปลี่ยนแปลง กรณีที่ทำการรักษาในชั้นหนังแท้ (dermis)

โปรโมชั่น

อีกหนึ่งความไว้วางใจ

อีลิท ทู